แซนโฎนตา
คำว่า “แซนโฎนตา” เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาเขมร “แซน” แปลว่า การเซ่นไหว้ การอุทิศ หรือบวงสรวง ส่วนคำว่า “โฎนตา” แปลว่า ปู่ย่าตายาย หรือบรรพบุรุษที่ได้ล่วงลับไปแล้ว
ความสำคัญ และประโยชน์ของการประกอบพิธีแซนโฎนตา ก็เพื่อถือปฏิบัติตามประเพณีที่สืบต่อกันมานานของบรรพบุรุษชาวอำเภอขุขันธ์ ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษที่ได้ล่วงลับไปแล้ว เมื่อถึงวันแรม 14 ค่ำเดือน 10 ลูกหลาน ญาติพี่น้องที่ไปประกอบอาชีพหรือตั้งถิ่นฐานที่อื่นไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ทั่วทุกสารทิศ จะเดินทางกลับมารวมญาติ และมาทำบุญที่บ้านเกิดเพื่อทำพิธีแซนโฎนตา ร่วมกันทำบุญกรวดน้ำอุทิศ ส่วนกุศลไปให้บรรพบุรุษ และญาติของตนเองที่ได้ล่วงลับไปแล้ว เป็นโอกาสที่จะได้ทำดีตามหลักพระพุทธศาสนา โดยการบริจาค ให้ทาน และฟังเทศน์ ส่งผลให้จิตใจแจ่มใสปราศจากความเศร้าโศก ซึ่งสะท้อนให้เห็นความรัก ความผูกพันของสมาชิกในครอบครัว เครือญาติ และความสมัครสมานสามัคคีของคนในชุมชน
พิธีการแซนโฎนตา มีขึ้นในวันแรม ๑๔ - ๑๕ ค่ำของเดือน ๑๐ ทุกปี ซึ่งตรงกับวันสารทใหญ่ของชาวพุทธนั่นเอง บรรพบุรุษชาวขุขันธ์มีความเชื่อว่า ช่วงนี้ในเวลากลางคืนจะเป็นช่วงที่มีลมพัดจากทางทิศเหนือ ไปทางทิศใต้ซึ่งสอดคล้องกับที่จะได้ลอยเรือส่งอาหารไปถึงพวกเปรตที่อยู่ทาง ทิศใต้ อันที่จริงก่อนจะถึงวันทำพิธีแซนโฎนตา หรือที่ชนเผ่าเขมรอำเภอขุขันธ์เรียกว่า “เบ็ญธม” ซึ่งตรงกับ วันแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ ทุกปีนั้น ใน ช่วงระหว่างวันแรม ๑ ค่ำ ถึงก่อนวันแรม ๑๔ ค่ำเดือน ๑๐ (ชาวเขมรเชื่อว่าเมื่อถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ประตูยมโลกจะเปิดและอนุญาตให้ผีในยมโลกเดินทางมาเยี่ยมญาติได้)
ชาวบ้านจะพากันไปวัดเพื่อประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เช่น ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ และญาติที่ล่วงลับ ฟังพระสงฆ์แสดงธรรมเทศนา เป็นต้น เหลืออีก ๑ - ๒ วันก่อนจะถึงวันแรม ๑๕ ค่ำ ชาวบ้านจะเตรียมการจัดทำพิธีแซนโฎนตา โดยทำขนมหลากหลายชนิด มีข้าวต้มมัด ขนมเทียน เป็นต้น เพื่อเอาไปทำบุญที่วัด และเป็นของฝากให้ญาติพี่น้องที่อยู่ใกล้ชิดกัน
ความสำคัญ และประโยชน์ของการประกอบพิธีแซนโฎนตา ก็เพื่อถือปฏิบัติตามประเพณีที่สืบต่อกันมานานของบรรพบุรุษชาวอำเภอขุขันธ์ ซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบรรพบุรุษที่ได้ล่วงลับไปแล้ว เมื่อถึงวันแรม 14 ค่ำเดือน 10 ลูกหลาน ญาติพี่น้องที่ไปประกอบอาชีพหรือตั้งถิ่นฐานที่อื่นไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ทั่วทุกสารทิศ จะเดินทางกลับมารวมญาติ และมาทำบุญที่บ้านเกิดเพื่อทำพิธีแซนโฎนตา ร่วมกันทำบุญกรวดน้ำอุทิศ ส่วนกุศลไปให้บรรพบุรุษ และญาติของตนเองที่ได้ล่วงลับไปแล้ว เป็นโอกาสที่จะได้ทำดีตามหลักพระพุทธศาสนา โดยการบริจาค ให้ทาน และฟังเทศน์ ส่งผลให้จิตใจแจ่มใสปราศจากความเศร้าโศก ซึ่งสะท้อนให้เห็นความรัก ความผูกพันของสมาชิกในครอบครัว เครือญาติ และความสมัครสมานสามัคคีของคนในชุมชน
พิธีการแซนโฎนตา มีขึ้นในวันแรม ๑๔ - ๑๕ ค่ำของเดือน ๑๐ ทุกปี ซึ่งตรงกับวันสารทใหญ่ของชาวพุทธนั่นเอง บรรพบุรุษชาวขุขันธ์มีความเชื่อว่า ช่วงนี้ในเวลากลางคืนจะเป็นช่วงที่มีลมพัดจากทางทิศเหนือ ไปทางทิศใต้ซึ่งสอดคล้องกับที่จะได้ลอยเรือส่งอาหารไปถึงพวกเปรตที่อยู่ทาง ทิศใต้ อันที่จริงก่อนจะถึงวันทำพิธีแซนโฎนตา หรือที่ชนเผ่าเขมรอำเภอขุขันธ์เรียกว่า “เบ็ญธม” ซึ่งตรงกับ วันแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ ทุกปีนั้น ใน ช่วงระหว่างวันแรม ๑ ค่ำ ถึงก่อนวันแรม ๑๔ ค่ำเดือน ๑๐ (ชาวเขมรเชื่อว่าเมื่อถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ประตูยมโลกจะเปิดและอนุญาตให้ผีในยมโลกเดินทางมาเยี่ยมญาติได้)
ชาวบ้านจะพากันไปวัดเพื่อประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เช่น ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ และญาติที่ล่วงลับ ฟังพระสงฆ์แสดงธรรมเทศนา เป็นต้น เหลืออีก ๑ - ๒ วันก่อนจะถึงวันแรม ๑๕ ค่ำ ชาวบ้านจะเตรียมการจัดทำพิธีแซนโฎนตา โดยทำขนมหลากหลายชนิด มีข้าวต้มมัด ขนมเทียน เป็นต้น เพื่อเอาไปทำบุญที่วัด และเป็นของฝากให้ญาติพี่น้องที่อยู่ใกล้ชิดกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น